บทพากย์เอราวัณ
อินทรชิตแปลงกายเป็นพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ช้างเอราวัณอัน (การุณราช) เนรมิตขึ้นนั้นก็ทรงเรี่ยวแรงแกร่งกล้าน่าเกรงขาม ผิวพรรณสีเผือกผ่องประดุจสังข์อันเกลี้ยงเกลา มี ๓๓ หัว หัวหนึ่งมี ๗ งา เปล่งประกายเรืองรองประดุจเพชรรัตน์
ขุนมารโลทันซึ่งเป็นสารถีของอินทรชิตก็แปลงเป็นควาญท้ายช้าง ทัพทั้ง ๔ เหล่า ต่างแปลงกายเป็นชาวฟ้าชาวสวรรค์ มีอารักขเทวดาและรุกขเทวดา (เทพารักษ์) เป็นทัพหน้า ครุฑ กินนร นาค เป็นทัพหลัง พวกฤๅษีและวิทยาธร เป็นปีกซ้าย มีคนธรรพ์เป็นปีกขวา ตั้งทัพตามตำรับพิชัยสงคราม ถืออาวุธเกรียงไกรคือ หอก ธนู ดาบ กระบอง ครบมือ แล้วเหาะเหินมาบนฟากฟ้า เคลื่อนพลเข้าสู่สมรภูมิ ฯ
ฝ่ายพระราม พอรุ่งเช้า มีลมพัดโชยเข้ามาหอมกลิ่นดอกไม้ฟุ้งเต็มป่าดง มีผึ้ง เหม หงส์ บินร่อนถลาลงมาชื่นชมดอกไม้ ดุเหว่า ไก่ ร้องขันตีปีกให้สัญญาณเช้าตรู่เร่งดวงตะวันให้รีบโผล่ นกตื่นนอนร้องขับขานหาคู่ ประสานเสียงไพเราะเสนาะในป่า เดือนดาวก็ดับ อับแสงลง ท้องฟ้าก็สว่างไสวจับสีทอง พระรามก็ตื่นจากบรรทม
ฝ่ายพระลักษมณ์ผู้เป็นน้องของพระราม ก็เอ่ยถามสุครีพว่าเหตุใดพระอินทร์จึงเสด็จมาที่สนามรบนี้ สุครีพจึงทูลว่าปกติแล้วพระอินทร์จะเสด็จพร้อมด้วยเหล่าเทวดาเพื่ออวยชัยแด่พระรามด้วยข้าวตอกดอกไม้ แต่คราวนี้เห็นวิปริตผิดปกติ ดูน่าฉงน เพราะพระอินทร์ถืออาวุธ แปลกมากหรือว่าพระอินทร์จะเข้าข้างฝ่ายอธรรม ขอพระองค์จงดูให้ดีอย่าไว้ใจ อย่าหลงกลของข้าศึก
ฝ่ายอินทรชิตสั่งให้เสนี อำมาตย์รำถวายพระลักษมณ์ เพื่อให้พระลักษมณ์เคลิบเคลิ้มเพื่อจะได้แผลงศรฆ่าให้ตาย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น